เชิญติชมได้ที่เมล์นี้นะครับ

angel_memmory@hotmail.com

มีอะไรใหม่

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

บทที่ 16 ศูนย์กลางของนรก

อีกครั้งหนึ่งที่พระเยซูคริสต์และดิฉันไปนรก พระเยซูคริสต์ตรัสกับดิฉัน "เด็กของเราเอ๋ย เพราะว่าเพื่อจุดประสงค์นี้เจ้าจึงได้เกิดมา เพื่อที่จะเขียนและบอกสิ่งที่เราได้บอกเจ้าและแสดงให้เจ้าได้เห็นแล้ว เพราะว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความสัตย์และเป็นความจริง เราได้เตรียมเจ้ามาเพื่อบอกแก่โลกผ่านเจ้าว่ามีนรก แต่ว่าเราได้ทำหนทางแห่งการหนี (จากนรก) เราจะไม่แสดงให้เจ้าเห็นทุกส่วนของนรก และสิ่งที่ถูกปกปิดไว้ซึ่งเราไม่สามารถที่จะเปิดเผยต่อเจ้าได้ แต่เราจะเปิดเผยให้เจ้าได้เห็นมากมาย คราวนี้มาดูอำนาจของความมืดและวาระสุดท้ายของมัน"


เราได้เดินต่อไปยังท้องของนรกอีกและเริ่มต้นเดินตรงไปที่เปิดโล่งเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ดิฉัน หันมามองดูว่าจุดไหนที่เรา กำลังเข้าไปและได้พบว่าเราอยู่บนโขดหินข้างห้องขังเดี่ยวห้องหนึ่งในศูนย์กลางของนรก เราหยุดที่ด้านหน้าของห้องขังเดี่ยว ซึ่งภายในห้องขังเดี่ยวแป็นหญิงที่สวยงามคนหนึ่ง ทางเหนือด้านบนของห้องขังเดี่ยวเป็นตัวอักษรเขียนไว้ บี.ซี (B.C)


ดิฉันได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนี้ร้องว่า " พระองค์เจ้าข้า ดิฉันรู้ว่าพระองค์จะมาถึงในวันหนึ่ง โปรดให้ดิฉันออกไป จากสถานที่แห่งการทรมานนี้เถิด " เธอสวมเสื้อผ้าในยุคโบราณ และเธอสวยมาก ดิฉันรู้ว่าเธอได้อยู่ที่นี่มานานแล้วเป็นเวลาหลายศตวรรษแต่ว่าไม่สามารถตายได้ วิญญาณของเธออยู่ในอาการทรมาน เธอเริ่มต้นดึงลูกกรงและร้องไห้


พระเยซูคริสต์ ตรัสอย่างนิ่มนวล "สันติ จงสงบ" พระองค์พูดกับเธอด้วยความเศร้าในน้ำเสียงของพระองค์ "หญิงเอ๋ย เจ้ารู้ว่าทำไมเจ้าจึงมาอยู่ ณ ที่แห่งนี้" "ค่ะ" เธอพูด "แต่ว่าดิฉันสามารถเปลี่ยน ดิฉันจำได้ เมื่อพระองค์ปล่อยให้คนอื่น ๆ เหล่านั้นออกมาจากสวรรค์ ดิฉันจำได้ถึงถ้อยคำแห่งการช่วยชีวิตของพระองค์ ดิฉันจะเป็นคนดี ณ บัดนี้" เธอร้อง "และดิฉันจะรับใช้พระองค์ " เธอพูด กำลูกกรงของห้องขังเดี่ยวแน่นในกำปั้นที่เล็ก ๆ ของเธอและเริ่มต้นกรีดร้อง "ขอให้ดิฉันออกไป ขอให้ดิฉันออกไป "


ในขณะนั้น เธอเริ่มต้นเปลี่ยนไปต่อหน้าเรา เสื้อผ้าของเธอเริ่มต้นไหม้ไฟ เนื้อหนังของเธอลอกออก และสิ่งที่เหลืออยู่ทั้งหมดก็คือโครงกระดูกสีดำ พร้อมกับรูไหม้ตรงที่สำหรับดวงตา และมีเปลือกที่ว่างเปล่าสำหรับวิญญาณ ดิฉันมองดูในอาการหวาดกลัวในขณะที่หญิงคนนี้ล้มลงที่พื้น ความสวยงามทั้งหมดของเธอได้หมดไปในชั่วขณะหนึ่ง ดิฉันหวั่นไหวในจินตนาการของดิฉันที่คิดว่าเธอก็ได้มาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ก่อนพระเยซูคริสต์เกิด


พระเยซูคริสต์ตรัสกับเธอ "เจ้ารู้ว่าบนโลกวาระสุดท้ายของเจ้าจะเป็นอย่างไร โมเสสได้ให้กฏแก่เจ้า และเจ้าก็ได้ยินกฏนั้น แต่แทนที่จะเชื่อฟังกฏของเรา เจ้ากลับเป็นเครื่องมือที่อยู่ในมือของซาตาน ของผู้เสี่ยงทายและของแม่มด เจ้าถึงกับสอนศิลปะแห่งเวทมนต์คาถา เจ้ารักความมืดยิ่งกว่าความสว่าง และการกระทำของเจ้าเป็นกรรมอันชั่วร้าย ถ้าหากว่าเจ้าได้สำนึกในความผิดบาปของเจ้าด้วยหัวใจของเจ้า พระบิดาของเราก็จะให้อภัยแก่เจ้า แต่ว่าบัดนี้ มันสายไปเสียแล้ว"


ด้วยความเสียใจและด้วยความสงสารอย่างท่วมท้นในหัวใจของเรา เราเดินจากไป ไม่มีที่สิ้นสุดต่อความเจ็บปวดและต่อความทุกข์ทรมานของเธอ มือที่เป็นกระดูกของเธอยื่นออกมายังเราในขณะที่เราเดินต่อไป


"ลูกของเราเอ๋ย" พระเยซูคริสต์ตรัส "ซาตานได้ใช้แผนการมากมายที่จะทำลายเหล่าชายและเหล่าหญิงที่ดี ซาตานทำงานทั้งวันและทั้งคืน พยายามที่จะเอาผู้คนไปรับใช้มัน ถ้าหากว่าเจ้าพลาดในการเลือกรับใช้พระเจ้า เจ้าก็เลือกที่จะรับใช้ปีศาจ จงเลือกชีวิต และความจริงจะปลดปล่อยให้เจ้าเป็นอิสระ "


ภายหลังจากที่ได้เดินทางมาเป็นระยะทางสั้น ๆ เราได้มาหยุดทางด้านหน้าของห้องขังเดี่ยวอีกห้องหนึ่ง ดิฉันได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งร้องตะโกนออกมา "ใครอยู่ที่นั่น ใครอยู่ที่นั่น " ดิฉันสงสัยว่าทำไมเขาจึงร้องตะโกนออกมา


พระเยซูคริสต์ตรัส "เขาเป็นคนตาบอด"


ดิฉันได้ยินเสียงและมองดูโดยรอบ เบื้องหน้าเราเป็นปีศาจตัวใหญ่พร้อมกับมีปีกมหึมา ปรากฏว่าปีกนั้นหัก มันมองผ่านเราไปตรง ๆ ดิฉันยืนอยู่ใกล้กับพระเยซู เราหันไปดูที่ชายคนนี้ผู้ได้พูดออกมาพร้อมกัน เขาก็อยู่ในห้องขังเดี่ยวด้วยเหมือนกัน และหลังของเขาหันมาทางเรา เขาอยู่ในร่างโครงกระดูกพร้อมกับมีไฟและมีกลิ่นแห่งความตายอยู่ที่ตัวเขา เขากำลังไขว่คว้าอากาศและร้องออกมา "ช่วยผมด้วย ช่วยด้วย มีใครไหม"


อย่างนุ่มนวล พระเยซูคริสต์ตรัส"ชายเอ๋ย สันติ จงสงบ"



ชายคนนั้นหันมาและพูดว่า "พระเจ้าข้า ผมรู้ว่าพระองค์จะมาเพื่อผม บัดนี้ผมสำนึกในความผิดแล้ว โปรดให้ผมออกไปเถิด ผมรู้ว่าผมได้เป็นคนที่เลวร้ายมากและได้ใช้ความพิการ ของผมเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ที่เห็นแก่ตัว ผมรู้ว่าผมได้เป็นพ่อมดและได้หลอกลวงผู้คนมากมายเพื่อซาตาน แต่พระเจ้าข้า บัดนี้ผมสำนึกในความผิดแล้ว โปรดให้ผมออกไป ทั้งวันทั้งคืนผมถูกทรมานอยู่ในเปลวไฟเหล่านี้ ไม่มีน้ำ ผมกระหายน้ำมากเสียจริง "เขาร้องออกมา" "พระองค์จะไม่ให้น้ำดื่มแก่ผมหรือ"


ชายคนนี้ยังคงร้อง เรียกตามหลังพระเยซูคริสต์ในขณะที่เราเดินจากไป ดิฉันมองข้างล่างในความเศร้าใจ


พระเยซูคริสต์ตรัส "พวกพ่อมดทั้งปวงและพวกทำงานของปีศาจ จะมีส่วนของพวกเขาในทะเลสาบซึ่งลุกไหม้ด้วยไฟและด้วยหินกำมะถัน ซึ่งเป็นการตายเป็นครั้งที่สอง "


เรามาถึงห้องขังเดี่ยวอีกห้องหนึ่งซึ่งในห้องนี้มีชายอีกคนหนึ่งอยู่ข้างใน เขาพูด "พระเจ้าข้า ผมรู้ว่าพระองค์จะมาปลดปล่อยผม ผมได้สำนึกในความผิดบาปเป็นเวลานานมาแล้ว " ชายคนนี้อยู่ในร่างของโครงกระดูกด้วยเหมือนกัน ร่างของเขาเต็มไปด้วยเปลวไฟและตัวหนอน


"ชายเอ๋ย เจ้ายังคงเต็มไปด้วยการโกหกและความผิดบาป เจ้าจงรู้ว่าเจ้าเป็นสาวกของซาตาน เป็นคนโกหกผู้ได้หลอกลวงคนมากมาย ความจริงไม่เคยมีอยู่ในปากของเจ้า และความตายจะเป็นรางวัลของเจ้าเสมอ เจ้าได้ยินถ้อยคำของเราบ่อยมากและทำตลกเกี่ยวกับการช่วยให้รอดของเราและวิญญาณบริสุทธิ์ของเรา เจ้าได้โกหกตลอดชีวิตของเจ้าและไม่ฟังเรา เจ้าเป็นของบิดาของเจ้าที่เป็นปีศาจ คนโกหกจะมีส่วนของพวกเขาในทะเลสาบแห่งไฟ เจ้าได้สบประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์ "


ชายคนนั้นสาปแช่งและพูดสิ่งที่ชั่วร้ายมากมายหลายสิ่งต่อพระเจ้า เราเดินต่อไป วิญญาณนี้ตกอยู่ในนรกตลอดกาล


พระเยซูคริสต์ตรัส " ใครก็ตามที่มาหาเรา และเขาผู้ซึ่งได้สูญเสียชีวิตของเขาเพื่อเราจะพบชีวิต (จะได้ชีวิต)


และชีวิตที่ได้นั้นจะเปี่ยมล้นยิ่งกว่า แต่ว่าผู้ที่ทำความผิดบาปจะต้องสำนึกในความผิดบาปของตนในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลก มันเป็นการสายเกินไปที่จะสำนึกในความผิดบาปเมื่อพวกเขามาถึงที่นี่ คนทำความผิดบาปมากต้องการรับใช้พระเจ้าและซาตานหรือพวกเขาเชื่อว่าพวกเขามีเวลาอันไม่จำกัดที่จะรับการเสนอสง่าราศีของพระเจ้า ผู้ที่ฉลาดอย่างแท้จริง จะเลือกวันนี้ที่พวกเขาจะรับใช้ได้ "


ในไม่ช้าเรามาถึงห้องขังเดี่ยวต่อมา การร้องไห้อย่างสิ้นหวังด้วยความเสียใจดังมาจากภายใน เรามองเข้าไปเห็นโครงกระดูกของชายคนหนึ่งที่ขดอยู่บนพื้น กระดูกของเขาเป็นสีดำจากการถูกไฟไหม้ และวิญญาณของเขาสกปรก วิญญาณเป็นหมอกสีเทาอยู่ข้างใน


ดิฉันสังเกตุเห็นชิ้นส่วนของร่างกายของเขาที่ขาดหายไป ควันและเปลวไฟล้อมรอบตัวเขา ตัวหนอนคลานอยู่ภายในตัวเขา


พระเยซูคริสต์ตรัส "ความผิดบาปของชายคนนี้มีมาก เขาได้เป็นฆาตกรและมีความเกลียดชังอยู่ในหัวใจของเขา เขาไม่สำนึกในความผิดบาปและถึงกับเชื่อว่าเราจะไม่อภัยให้เขา ถ้าเพียง แต่ว่าเขาจะมาหาเราเท่านั้น "


"พระเจ้าข้า พระองค์หมายความว่ายังไง" ดิฉันถาม "เขาคิดว่าพระองค์จะไม่อภัยแก่เขาเกี่ยวกับการเป็นฆาตกรและความเกลียดชัง "


"ใช่แล้ว" พระเยซูคริสต์ตรัส "ถ้าเพียงแต่ว่าเขาเชื่อและมาหาเราเท่านั้น เราก็จะอภัยให้เขาในความผิดบาปทั้งหมดของเขา ความผิดบาปที่ใหญ่และเล็ก แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เขายังคงทำความผิดบาปต่อไปและตายในความผิดบาปนั้น นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงมาอยู่ที่นี่ในวันนี้ เขาได้ละทิ้งโอกาสมากมายในการที่จะรับใช้เราและที่จะเชื่อพระคัมภีร์ แต่ว่าเขาปฎิเสธ บัดนี้มันสายไปเสียแล้ว "


ห้องขังเดี่ยวต่อมาที่เรามาถึงเต็มไปด้วยกลิ่นที่สยดสยอง ดิฉันสามารถได้ยินเสียงของคนตายและเสียงครวญครางด้วยความเสียใจในที่ทุกแห่งหน ดิฉันรู้สึกเศร้าใจเสียจริง ๆ จนดิฉันแทบจะไม่สบาย ดิฉันตัดสินใจว่าดิฉันจะทำทุกอย่างที่ดิฉันทำได้เพื่อบอกโลกเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้


เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งพูด "ช่วยฉันด้วย" ดิฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาจริง ๆ คู่หนึ่งมิใช่เป็นรูกลวงที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งเป็นเครื่องหมายของการถูกไฟไหม้ ดิฉันเศร้าใจเสียจนกระทั่งดิฉันตัวสั่นเทา และดิฉันรู้สึกสงสารและเสียใจถึงเพียงนั้นต่อวิญญาณดวงนี้ ดิฉันต้องการอย่างแรงกล้าที่จะดันเธอออกมาจากห้องขังเดี่ยวและวิ่งหนีไปพร้อมกับเธอ "มันเจ็บปวดเสียจริง ๆ " เธอพูด


"พระเจ้าข้า ดิฉันจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ณ บัดนี้ ครั้งหนึ่งดิฉันรู้จักพระองค์และพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของดิฉัน " มือของเธอจับซี่กรงของห้องขังเดียว "ทำไมเล่าพระองค์จึง ไม่เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของดิฉัน ณ บัดนี้เล่า " ชิ้นส่วนของเนื้อหนังกำลังถูกไฟไหม้ได้หลุดออกมาจากเธอ และมีเพียงแต่กระดูกเท่านั้นที่จับซี่กรง


"พระองค์ถึงกับได้รักษาโรคมะเร็งให้ดิฉัน" เธอพูด "พระองค์บอกใ ห้ดิฉันไปและอย่าทำผิดบาปอีกแม้แต่เล็กน้อยที่จะมาถึงดิฉัน ดิฉันพยายามพระเจ้าข้า พระองค์รู้ว่าดิฉันพยายามดิฉันถึงกับได้พยายามเพื่อพระองค์ แต่ว่า พระเจ้าข้า ในไม่ช้าต่อมาดิฉันได้เรียนรู้ว่าเขาเหล่านั้นผู้ได้เทศนาถ้อยคำของพระองค์มิได้เป็นที่รู้จักกัน ดิฉันต้องการให้ ผู้คนเหมือนดิฉัน ดิฉันหวนกลับคืนมาอย่างช้า ๆ สู่โลกและสู่ตัณหาแห่งเนื้อหนังที่ทำลายดิฉันอย่างย่อยยับ ไนท์คลับและการดื่มอย่างหนักกลายเป็นสิ่งสำคัญ (ต่อดิฉัน) ยิ่งกว่าพระองค์ ดิฉันสูญเสียการติดต่อกับเพื่อนชาวคริสเตียนและในไม่ช้าได้พบตัว เองเลวถึงสิบเจ็ดเท่าก่อนที่ดิฉันเคยเป็นก่อนหน้านี้ "


"และแม้ว่าดิฉันได้กลายเป็นคนรักของทั้งชายและหญิงทั้งหลาย ดิฉันไม่เคยตั้งใจที่เป็นผู้สูญเสีย ดิฉันไม่รู้ว่าดิฉันถูกครอบงำโดยซาตาน ดิฉันยังรู้สึกถึงการเรียกร้องของพระองค์ที่มีต่อหัวใจของดิฉันให้สำนึกในความผิดบาปและให้ได้รับการช่วยให้รอด แต่ว่าดิฉันมิได้สำนึกในความผิดบาป ดิฉันยังคงคิดว่าดิฉันยังคงมีเวลา พรุ่งนี้ดิฉันจะหวนกลับมาหาพระเยซู และพระองค์จะอภัยให้แก่ดิฉันและปลดปล่อยดิฉัน แต่ว่าดิฉันได้คอยนานเกินไป และบัดนี้มันสายเกินไปเสียแล้ว " เธอร้อง


ดวงตาที่เศร้า ๆ ของเธอปะทุเข้าไปในเปลวไฟและหายไป ดิฉันกรีดร้องและล้มปะทะพระเยซูคริสต์ โอ พระเจ้า ดิฉันคิด มันง่ายเสียจริงที่ว่าสิ่งนี้สามารถที่จะเป็นดิฉันหรือเป็นคนอันเป็นที่รักของดิฉันคนหนึ่ง โปรดเถิด คนทำผิดบาป จงตื่นขึ้นก่อนที่จะสายเกินไป


เราเดินต่อไปยังห้องขังเดี่ยวอีกห้องหนึ่ง ในห้องนี้มีชายคนหนึ่งในร่างของโครงกระดูกและวิญญาณ สกปรกสีเทาอยู่ข้างใน การร้องด้วยความเจ็บปวดและด้วยความเสียใจถึงปานนั้นดังออกมาจากชายคนนี้ที่ดิฉันรู้ว่าดิฉันจะไม่มีวันลืมเขาได้เลย


พระเยซูคริสต์ตรัส "เด็กของเราเอ๋ย คนบางคนที่อ่านหนังสือเล่มนี้จะเปรียบเทียบมันกับเรื่องอ่านเล่นหรือกับภาพยนตร์ที่พวกเขาได้ดู พวกเขาจะพูดว่าสิ่งนี้ไม่เป็นความจริง แต่ว่าเจ้ารู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความจริง เจ้ารู้ว่านรกนั้นเป็นจริง เพราะว่าเราได้นำเจ้ามายังที่นี่หลายครั้งแล้วโดยจิตวิญญาณของเรา เราได้เปิดเผยความจริงให้เจ้ารู้เพื่อว่าเจ้าจะสามารถเป็นพยานต่อมัน (ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนี้)


ผู้หลงผิด ถ้าหากว่าท่านจะไม่สำนึกในความผิดบาปและได้รับการล้างบาปและเชื่อพระคัมภีร์ของพระเยซูคริสต์ สิ่งนี้จะเป็นวาระสุดท้ายของท่านอย่างแน่นอน


"ชายคนนี้อยู่ที่นี่ " พระเยซูคริสต์ตรัส "เพราะการต่อต้านของเขา ความผิดบาปจากการต่อต้านก็เหมือนกับความผิดบาปจากเวทมนต์คาถา ในความเป็นจริง เขาเหล่านั้นทั้งหมดเป็นผู้รู้ถ้อยคำและวิถีทางของเราได้ยินพระคัมภีร์แต่ยังไม่สำนึกในความผิดบาป เป็นพวกต่อต้านต่อเรา พวกเขามากมายอยู่ในนรกในวันนี้เพราะความผิดบาปในข้อนี้ "


ชายคนนั้นพูดกับพระเยซู คริสต์ว่า "ครั้งหนึ่งผมคิดเกี่ยวกับการทำให้พระองค์ เป็นพระเจ้าแห่งชีวิตของผม แต่ผมไม่ต้องการที่จะเดินไปบนเส้นทางที่ตรงและแคบของพระองค์ ผมต้องการเส้นทางที่กว้าง มันเป็นการง่ายกว่ากันมากที่จะรับใช้ความผิดบาป ผมไม่ต้องการที่จะเป็นคนชอบธรรม ผมมักจะใช้วิถีทางแห่งการทำบาปของผม ผมปรารถนาที่จะดื่มอย่างหนักและทำในสิ่งต่าง ๆ ของโลกนี้มากกว่าที่จะเชื่อคำสั่งของพระองค์ แต่บัดนี้ผมปรารถนาที่จะฟังเขาเหล่านั้นที่พระองค์ได้ส่งมายังผม แทนที่จะทำความชั่วและไม่สำนึกความผิดบาป "การสะอื้นไห้อย่างใหญ่หลวงทำให้ร่างของเขาสั่นในขณะที่เขาร้องออกมาในความเสียใจ "เป็นเวลาหลายปี ที่ผมถูกทรมานในสถานที่แห่งนี้ ผมรู้ว่าผมเป็นอะไร และผมรู้ว่าผมจะไม่ได้ออกไป ผมถูกทรมานในเวลากลางวันและกลางคืนในเปลวไฟเหล่านี้และในตัวหนอนเหล่านี้ ผมร้องไห้ แต่ว่าไม่มีใครมาช่วย ไม่มีใครสนใจดวงวิญญาณของผมที่นี่ ไม่มีใครสนใจวิญญาณของผม " เขาทรุดลงไปกองอยู่บนพื้นเป็นกองเล็ก ๆ กองหนึ่งและร้องไห้ต่อไป


เราเดินต่อไปยังห้องขังเดี่ยวอีกแห่งหนึ่ง หญิงคนหนึ่งนั่งจับตัวหนอนออกจากกระดูกของเธอ เธอเริ่มต้นร้องไห้เมื่อเธอมองเห็นพระเยซูคริสต์ "ช่วยดิฉันด้วย พระองค์เจ้าข้า " เธอพูด "ดิฉันจะเป็นคนดี โปรด ให้ดิฉันออกไป " เธอลุกขึ้นด้วยและจับลูกกรงของห้องขังเดี่ยว ดิฉันรู้สึกสงสารเหลือเกิน ในขณะที่เธอร้องไห้ อาการสะอื้นทำให้ร่างของเธอสั่นไหว


เธอพูด "พระเจ้าข้า เมื่อดิฉันอยู่บนโลก ดิฉันบูชาพระเจ้าในศาสนาฮินดูและรูปเคารพมากมาย ดิฉันไม่ได้เชื่อในพระคัมภีร์และผู้ประกาศพระคัมภีร์ที่เทศนาแก่ดิฉัน แม้ว่าดิฉันจะได้ยินหลายครั้ง วันหนึ่งดิฉันตาย ดิฉันร้องไห้เพื่อให้พระเจ้าของดิฉัน มาช่วยดิฉันจากนรก แต่ว่าพระเจ้าเหล่านั้นไม่สามารถช่วยดิฉันได้ บัดนี้พระองค์เจ้าข้า ดิฉันอยากจะสำนึกในความผิดบาป "


"มันสายเกินไป" พระเยซูคริสต์ตรัส


เปลวไฟคลุมร่างของเธอในขณะที่เราเดินต่อไป เสียงร้องของเธอยังคงดังอยู่ในวิญญาณของดิฉันแม้กระทั่งบัดนี้ ซาตานได้หลอกลวงเธอ



ด้วยความเศร้าในเสียงของพระองค์ พระเยซูคริสต์ตรัส "มาเถิด เราจะกลับมาในวันพรุ่งนี้ เป็นเวลาที่เราจะต้องไปแล้ว"




Technorati :

Del.icio.us :

Zooomr :

Flickr :

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น